เหล็กกล้าไม่เป็นสนิม หรือสแตนเลสสตีล (อังกฤษ: Stainless Steel) นั้น ในทางโลหะกรรมนับว่าเป็นโลหะผสมเหล็กที่มีโครเมี่ยมอย่างน้อยที่สุด 10.5% ชื่อในภาษาไทย แปลจากภาษาอังกฤษว่า Stainless Steel เนื่องด้วยโลหะผสมดังกล่าวไม่ขึ้นสนิมมาจากวิธีการทำปฏิกิริยากันระหว่างออกซิเจนกลางอากาศกับโครเมี่ยมในเนื้อสแตนเลส กำเนิดเป็นฟิล์มถ่ายรูปบางๆ ฉาบผิวไว้ป้องกันการเกิดความทรุดโทรมให้กับตัวเนื้อสแตนเลสได้อย่างดีเยี่ยม ป้องกันการกัดกร่อน หรือสึกหรอง่ายอย่างโลหะทั่วๆ ไป สำหรับในสหรัฐฯ และในหลายประเทศ ยิ่งไปกว่านั้นในอุตสาหกรรมการบิน นิยมเรียกโลหะนี้ว่า Corrosion Resistant Steel เมื่อมิได้ระบุชัดว่าเป็นโลหะผสมประเภทใด รวมทั้งประสิทธิภาพระดับใด แต่ว่าในตลาดเราสามารถพบเห็น สแตนเลสเกรด 18-8 เยอะที่สุด ซึ่งเป็นการกำหนดถึงธาตุที่เจือลงในเนื้อเหล็กเป็นโครเมี่ยมแล้วก็นิเกิล เป็นลำดับ สแตนเลสชนิดนี้จัดเป็น Commercial Grade มีใช้ทั่วๆ ไป หาซื้อได้ง่าย มักใช้ทำของใช้ทั่วๆ ไป ซึ่งเราสามารถจัดชนิด และประเภทของสแตนเลสได้จากเลขรหัสที่ระบุขึ้นตามมาตรฐาน AISI ตัวอย่างเช่น 304 304L 316 316L ฯลฯ ซึ่งส่วนประกอบจะเป็นตัวระบุเกรดของสแตนเลส ซึ่งมีความต้องการสำหรับการใช้งานที่ต่างกันออกไป สแตนเลสสตีลกับการเกิดสนิมธรรมดา Stainless Steel จะไม่ขึ้นสนิม เพราะว่าที่ผิวของมันจะมีฟิล์มถ่ายรูปโครเมี่ยมออกไซด์บางๆ ฉาบผิวอยู่ จากวิธีการทำปฏิกิริยากันระหว่าง Cr ในสแตนเลส กับ O2
กลุ่มออสเทนนิติค (Austenitic) หรือสแตนเลส 300 เป็นเกรดที่ใช้งานแพร่หลายสูงที่สุดถึง 70% มีคุณลักษณะที่แม่เหล็กดูดไม่ติด (Non – Magnetic) มีส่วนผสมของโครเมี่ยม 16% คาร์บอนมากที่สุด 0.15% มีส่วนผสมของธาตุนิกเกิล 8% เพื่อแก้ไขคุณลักษณะสำหรับในการทำประกอบ (Fabrication) และเพิ่มความต่อต้านการกัดกร่อน เกรดที่รู้จักกันอย่างมาก รวมทั้งนิยมเรียก 18/10 มีส่วนผสมของโครเมี่ยม 18% และนิกเกิล 10%

กลุ่มเฟอริทติค (Ferritic) แมกเนติค (Magnetic) มีธาตุคาร์บอนผสมจำนวนที่ต่ำ แล้วมีโครเมี่ยมเป็นธาตุผสมหลักที่สำคัญบางทีอาจอยู่ระหว่าง 10.5%-27% แล้วมีนิกเกิ้ลเป็นส่วนประกอบอยู่น้อยมาก หรือไม่มีเลย

กลุ่มมาเทนสิทติค (Martensitic) แมกเนติค (Magnetic) มีส่วนผสมของโครเมี่ยม 12-14% และมีธาตุคาร์บอนผสมอยู่ปานกลาง มีโมลิบลิ่วดีนัมเป็นส่วนประกอบอยู่ราว 0.2-1% ไม่มีนิกเกิล สแตนเลสประเภทนี้สามารถปรับความแข็งได้ โดยการให้ความร้อนแล้วทำให้เย็นตัวอย่างเร็ว (Quenching) และอบคืนตัว (Tempering) สามารถลดความแข็งได้ คล้ายกับเหล็กกล้าคาร์บอน และการใช้แรงงานที่สำคัญสำหรับเพื่อการผลิตเครื่องตัด อุตสาหกรรมเรือบิน รวมทั้งงานวิศวกรรมทั่วๆ ไป
สแตนเลสที่นิยมใช้กันในปัจจุบันมีอยู่ 3 เกรดสำคัญๆ ดังนี้ SUS304, SUS430, และ SUS316L ซึ่งแต่ละเกรดมีคุณลักษณะสำหรับการใช้งานไม่เหมือนกัน โดยเกรด 304 จะมีส่วนผสมของ Cr 18% รวมทั้ง Ni 8 % ทำให้มีคุณลักษณะป้องกันการกัดกร่อนได้ดี เนื่องจากส่วนประกอบที่กล่าวมาจะทำปฎิกิริยากับออกซิเจนกลางอากาศแล้วกำเนิดเป็นชั้นฟิลม์ออกไซด์บางๆ ฉาบอยู่บนผิวสแตนเลสแล้วก็สามารถแก้ไขซ่อมแซมได้ ใช้งานนาน ไม่มีอันตรายเมื่อใช้กับอุตสาหกรรมของกินอีกด้วย ส่วนเกรด 430 เป็นเกรดที่คล้ายกับเกรด 304 จะไม่มีส่วนประกอบของนิ้กเกิ้ลอยู่เลย แม่เหล็กสามารถดูดติดได้ มีคุณลักษณะป้องกันการกัดกร่อนได้ แต่ไม่ดีเท่าเกรด 304 ยิ่งไปกว่านี้เกรด 430 ยังมีส่วนผสมของ C อยู่ราวๆ 0.12% ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับสแตนเลสเกรด 430 เหมาะกับการใช้งานในส่วนที่เป็นส่วนประกอบที่มีการรับแรง ส่วนเกรด 316L มีการเพิ่มธาตุ Mo เข้าไปในแผ่นสแตนเลส ทำให้ช่วยป้องกันการกัดกร่อนได้ดีขึ้น โดยเกรด 316L ช่วยป้องกันการกัดกร่อนได้ดีกว่า เกรด 304 และ 430 นิยมใช้กับงานที่จะต้องสัมผัสโดยตรงกับกรด หรือเบสเข้มข้น
คุณสมบัติพิเศษของสแตนเลส
1. ทนต่อการกัดกร่อน สแตนเลสทุกตระกูลทนทานต่อการกัดกร่อน แต่ว่าจะแตกต่างกันไปตามส่วนผสมของโลหะ ยกตัวอย่างเช่น เกรดที่มีโลหะผสมไม่สูงสามารถต้านทานการกัดกร่อนในระดับปานกลาง เกรดที่มีโลหะผสมสูงจะช่วยยับยั้งการกัดกร่อนในกรด ด่าง สารละลาย คลอไรด์ ได้

2. แรงต้านทานต่ออุณหภูมิสูงรวมทั้งอุณหภูมิต่ำ สแตนเลสบางเกรดสามารถทนไฟและความเย็น รวมทั้งการเปลี่ยนอุณหภูมิโดยทันทีได้ดี แล้วด้วยลักษณะเด่นในการทนความร้อน ทำให้มีการนำสแตนเลสไปใช้ในอุตสาหกรรมขนส่ง อุตสาหกรรมปิโตรเคมี อย่างแพร่หลาย

3. ไม่ยุ่งยากต่อการประกอบ หรือดัดแปลง สแตนเลสส่วนใหญ่สามารถตัด เชื่อม ตกแต่ง ขึ้นรูปลักษณะต่างๆ ของสแตนเลสช่วยทำให้ผู้ผลิตสามารถนำสแตนเลสไปประกอบกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้ง่าย

4. คงทนถาวร คุณลักษณะเด่นอีกประการของสแตนเลส คือ สแตนเลสสามารถเพิ่มความแข็งแรงได้ด้วยการขึ้นรูปเย็น ใช้เพื่อดีไซน์งาน โดยลดความหนา น้ำหนัก และราคาสแตนเลสบางเกรดอาจใช้งานในที่ทนความร้อน รวมทั้งยังคงความทนทานสูง

5. ความงาม ด้วยรูปทรงหลากหลายรูปแบบที่สวยงาม ทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย ปัจจุบันสแตนเลสมีสีให้เลือกมากมาย ด้วยกรรมวิธีชุบฉาบผิวเคมีไฟฟ้า สามารถทำให้สแตนเลสมีผิวสีทอง บรอนซ์ เขียว เงิน แล้วก็สีดำ ทำให้สามารถเลือกดัดแปลงสแตนเลสได้อย่างหลากหลาย นอกนั้นความเงาสวยของสแตนเลสในอ่างล้างถ้วยชามอุปกรณ์ประกอบอาหาร หรือเฟอร์นิเจอร์ ทำให้บ้านมองดูสะอาด และก็น่าอยู่อีกด้วย

6. ความปลอดภัยและก็ถูกสุขลักษณะ การทำความสะอาด การดูแล และรักษา สแตนเลสจะมีความเป็นกลางสูง ทำให้ไม่ดูดซับสิ่งต่างๆ จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่สแตนเลสถูกนำมาประยุกต์ใช้ในโรงพยาบาล เครื่องครัว ด้านโภชนาการ ด้านเภสัชกรรม เนื่องจากความทนทาน ไม่ต้องดูแลรักษามาก และค่าใช้จ่ายไม่สูง เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้งาน การใช้เครื่องมือ เครื่องครัวสแตนเลสในบ้านเรือน จึงให้ความรู้สึกถึงความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ นอกจากนั้นสแตนเลสยังช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติ สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่ 100 เปอร์เซ็นต์